หูกางทรงผม เลือกแบบไหนดี ถึงจะสวยและดูดี

ปัญหาหูกางในสาว ๆ คงเป็นที่หนักอกหนักใจ เพราะจะไว้ผมทรงไหนก็ดูจะยากไปซะหมด บางคนโดนล้อตั้งแต่เด็กจนหมดความมั่นใจในตัวเองไปเลยก็มี จะมัดผมก็ไม่กล้ากลัวเห็นหูชัดไป จะตัดสั้นลักษณะผมซอยสั้นก็เกรงว่าจะเห็นใบหูชัดเจน ดังนั้นหากสาว ๆ คนไหน ที่มีหูกาง ทรงผม ไหนจึงจะเหมาะคงต้องมาดูกัน

ปกติแล้วใบหูของคนเราจะต้องแนบไปทางด้านหลังชิดกับหนังศีรษะ โดยทำมุมกันประมาณ 25 – 35 องศา ขอบนอกใบหูจะพับไปด้านหลังเล็กน้อยห่างจากหนังศีรษะประมาณ 1.5 – 2 เซนติเมตร และหากมีหูที่กางจะมีลักษณะดังนี้

ลักษณะที่ดูหูกาง คือ ใบหูไม่แนบไปทางด้านหลังเท่าที่ควร หรือขอบใบหูไม่พับทางด้านหลัง ซึ่งสาเหตุของหูที่กางนั้นเกิดจากกระดูกอ่อนใบหูไม่พับไปตามปกติ อาจเกิดขึ้นได้ตั้งแต่เด็ก เพราะส่วนหนึ่งถ่ายทอดทางพันธุกรรม การแก้ไขหูกางสามารถทำได้ตั้งแต่อายุประมาณ 6 ขวบ เนื่องจากเวลานั้นใบหูจะมีขนาดโตเต็มที่เท่ากับผู้ใหญ่

สาว ๆ ที่หูกางจริง ๆ แล้วก็มีทรงผลหลายทรงที่จะช่วยพรางหูให้ดูเล็กลงได้ ในกรณีที่อยากจะตัดผมสั้นก็สามารถตัดได้ แต่ต้องตัดเป็นบ๊อบยาวประมาณคางลงไปแล้วเซ็ตให้ดูพอง และหากไว้ผมยากก็ต้องไม่ทำให้ผมดูลีบแบน ไม่อย่างนั้นจะยิ่งเน้นหูให้ชัดกว่าเดิมได้ การดัดลอนจะช่วยเพิ่มวอลลุ่มและพรางได้ดีมากค่ะ

สำหรับสาว ๆ ที่ไม่อยากตัดผม แนะนำให้มัดผมหรือถักเปียหลวม ๆ จัดปอยผมให้ดูพอบแบบเป็นธรรมชาติจะช่วยได้มาก เมื่อมัดผมก็ให้ดึงผมเหนือหูให้ลงมาปิดใบหูนิดหน่อย

และสาว ๆ ที่หูกางหากไม่อยากหลบ ๆ ซ่อน ๆ ด้วยการใช้ทรงผมปิดหูกางเอาไว้ ปัจจุบันนี้ยังมีวิธีแก้ไขหูกางได้ทั้งวิธีผ่าตัดและไม่ต้องผ่าตัด ซึ่งสามารถทำได้ดังนี้

หากสาว ๆ ไม่ต้องการผ่าตัดแก้ไขหูกาง สามารถปรับเปลี่ยนรูปร่างหูกาง โดยการปรับท่านอนและการนวด ดังนี้

แก้ไขหูกางโดยไม่ต้องผ่าตัด

• แก้ไขหูกางโดยการท่านอน

หากสาว ๆ มีนิสัยชอบการนอนตะแคงข้างใดข้างหนึ่งยิ่งจะเป็นการง่ายต่อการจัดระเบียบท่านอน หากหูมีความกางแค่ระดับกางออกข้างมากเกินไป และหูไม่ได้แข็งจนเกินไปก็จะใช้เวลาไม่นาน วิธีนี้ถือว่าเหมาะมาก ๆ ในการปรับรูปหู

ในการนอนแต่ละครั้งให้วางหมอนไว้ข้างที่เราจะตะแคงไปให้สูงกว่าอีกข้างเพื่อไม่ให้หน้าไหล จากนั้นให้ใช้มือจับเบา ๆ ที่หูแล้วจัดให้ได้ในลักษณะที่เราคาดหวังจะให้เป็นแล้วค่อย ๆ วางศีรษะให้ปีกหูที่จัดรูปไว้ลงไปยังตำแหน่งที่น้ำหนักตัวจะกดลงไปได้

• แก้ไขหูกางโดยการนวด

แนะนำให้นวด ใบหูที่กางโดยวิธีนวดให้นวด ๆ แล้วดัน ๆ เข้ามาจากด้านนอกเข้าด้านใน ในลักษณะรูดใบหูเข้าหารูหูทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ซึ่งสามารถทำได้ทุกเวลา แล้วก่อนนอนก็ทำซ้ำแล้วจึงใช้วิธีการเดียวกับการนอนตะแคงที่เคยกล่าวไปก่อนหน้านี้

ในกรณีของคนที่มีหูลักษณะแข็งอาจจะยากสักหน่อย จะดัดให้ได้รูปคงยาก แนะนำให้นวด ๆ คลึง ๆ ให้อุ่น ๆ ไป
เรื่อย ๆ แล้วจึงใช้วิธีการเดียวกับการนอนตะแคงที่เคยกล่าวไปก่อนหน้านี้

การจัดการกับใบหูที่กางด้วยวิธีที่ไม่ผ่าตัดนั้นอาจจะได้ผลช้า หรือไม่ได้ผลกับสาว ๆ บางคน ซึ่งหากต้องการให้เกิดผลเร็วแนะนำให้ใช้วิธีการผ่าตัดศัลยกรรมแก้ไขหูกาง ซึ่งมีวิธีการดังนี้

การศัลยกรรมผ่าตัด แก้ไขปัญหาหูกาง โดยศัลยแพทย์เฉพาะทาง ที่มีประสบการณ์ ให้หูกางกลับเข้ารูปสวยเหมาะสมกับใบหน้าขึ้นได้ ซึ่งวิธีการรักษาที่เห็นผลชัดเจน และปลอดภัย สามารถทำได้ตั้งแต่อายุ 6 ขวบขึ้นไป เพื่อให้ได้รูปร่าง ที่ต้องการ

ก่อนทำการผ่าตัดแพทย์จะทำการออกแบบโครงสร้างใบหูให้รับกับใบหน้า ก่อนที่จะทำการฉีดยาและทำการผ่าตัดต่อไป ซึ่งขั้นตอนการผ่าตัด จะทำการเปิดตามแนวหลังใบหู เพื่อปรับแต่งเย็บกระดูกอ่อนของใบหู โดยการตัดหูทั้งสองข้างอาจจะไม่เหมือนกัน เพราะ แต่ละคนนั้นมีใบหูที่ไม่เท่ากัน การแก้ไขปัญหาจึงทำได้แตกต่างกัน

การเตรียมตัวก่อนศัลยกรรมผ่าตัด แก้ไขปัญหาหูกาง

• หากท่านมีโรคประจำตัวท่านจะต้องแจ้งให้แพทย์ทราบ รวมทั้งประวัติการแพ้ยา
• ก่อนทำการผ่าตัดอย่างน้อย 2 สัปดาห์ ท่านควรงดอาหารเสริมและวิตามิน เช่น วิตามินอี น้ำมันปลา
• ก่อนทำการผ่าตัดอย่างน้อย 2 สัปดาห์ ท่านควรงดยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด
• ก่อนทำการผ่าตัด 4 สัปดาห์ ท่านจะต้องงดสูบบุหรี่และเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์
• เนื่องจากเป็นการฉีดยาชาเฉพาะที่ที่ทำการผ่าตัด สามารถทานอาหารก่อนการผ่าตัดได้ปกติ

ระยะเวลาที่ใช้ในการทำศัลยกรรมผ่าตัดแกไขหูกาง จะใช้เวลาประมาณ 45 – 60 นาที โดยใช้เวลาพักฟื้นประมาณ 1 – 2 วัน ซึ่งทางคลินิกจะปิดพลาสเตอร์ประมาณ 3 – 5 วัน หลังจากนั้นสามารถเปิดออกและทำความสะอาดได้โดยการเช็ดแผลและป้ายยา สามารถทำความสะอาดได้ตามปกติ

บทสรุป

หูกางทรงผม การที่มีใบหูที่กางคงไม่เป็นที่ถูกใจของสาว ๆ เป็นแน่ เพราะไว้ทรงผมยาก เนื่องจากมัดก็ไม่ได้ ซอยผมสั้นก็ลำบาก ดังนั้นจึงต้องหาวิธีที่จะแก้ไขปัญหาหูกางด้วยวิธีที่มีทั้งการผ่าตัดและไม่ผ่าตัด หากต้องการเห็นผลเร็วท่านต้องทำศัลยกรรมแก้ไขหูกางดังที่ได้กล่าวไปแล้ว แต่ท่านต้องศึกษาข้อมูลให้ละเอียดทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยและเป็นการลดความเสี่ยงก่อนเข้ารับการทำศัลยกรรม