ติ่งหูบวม มีสาเหตุมาจากอะไร และจะรักษายังไงดี

อาการติ่งหูบวม คงจะมีต้นเหตุที่เกิดจากการอักเสบของ รูที่เจาะหูค่ะ อาจมีเชื้อแบคทีเรีย หรือเชื้อราเข้าแทรก หรืออาจจะเกิดขึ้นได้ก็เพราะการแพ้สารเคมีของต่างหูที่ใส่ไม่ได้ การดูแลและรักษาต้องทานยาต้านจุลชีพ ทำความสะอาดตรงติ่งหู แล้วก็ถอดต่างหูงดใส่ ชั่วคราวจนกระทั่งจะหาย แต่ระวัง ถ้าเกิดอักเสบนาน ๆ จะมีผลให้ร่างกายสร้างพังผืดมาห่อหุ้ม ทำให้รูหูที่ใส่ไว้ตัน ต้องเจาะใหม่ค่ะ

แพ้ต่างหู สาเหตุ เกิดจากอะไร ?

การแพ้ต่างหู เป็นหนึ่งในโรคแพ้เครื่องประดับที่เกิดขึ้นได้บ่อยมาก สาเหตุเกิดจากวัสดุส่วนใหญ่ที่เอามาทำต่างหูทำให้เกิดการแพ้และก็ระคายเคืองต่อผิวหนังของคนที่ใส่ ซึ่งต่างหูแฟชั่นโดยมากจะใช้โลหะหลายแบบผสมกัน แต่ว่าสารสำคัญที่พบว่าเป็นสาเหตุของการแพ้มากที่สุดก็คือ “โลหะนิกเกิล” หรือเรียนรู้ข้อมูลเพิ่มเติมทาง rattinanhospital.com ผู้ที่เชี่ยวชาญ มีประสบการณ์ที่คอยดูแลเกี่ยวกับด้านความงามมานานมากกว่า 10 ปี

แพ้ต่างหู อาการเป็นอย่างไร ?

การแพ้ต่างหูจะมีอาการบวมแดงบริเวณรูหูบางส่วน 3-6 วันแรกหลังเจาะหูหรือเปลี่ยนต่างหู แต่ถ้าเกิดมีอาการบวมแดงมากกว่าเดิมนั้น ให้สันนิษฐานว่าแผลเจาะหูบางทีอาจเกิดการติดเชื้อ โดยอาการที่บ่งบอกว่าแผลเจาะหูอาจติดเชื้อ เช่น

  • เจ็บและบวมบริเวณรูที่เจาะหู
  • มีเลือดออก
  • เป็นหนองหรือมีสะเก็ดแผลเกิดบริเวณรูที่เจาะหู
  • ต่างหูติดแน่นอยู่ที่หู
  • มีไข้ หรืออุณหภูมิร่างกายสูงกว่า 37 องศาเซลเซียส

ติ่งหูบวม เกิดจากอะไร

การรักษาอาการแพ้ต่างหู

คุณสามารถรักษาการแพ้ต่างหูเบื้องต้นได้ด้วยตัวเอง โดยใช้สำลีก้านชุบน้ำเกลือถูทำความสะอาดบริเวณรอบรูหูเป็นประจำ วันละ 2 ครั้ง วิธีนี้จะทำให้แผลหายไวและลดการติดเชื้อ

แต่หากอาการแพ้ต่างหูเกิดขึ้นอย่างกะทันหันแล้วก็ร้ายแรง ควรจะรีบไปพบหมอเพื่อกระทำการรักษา โดยหมอจะแบ่งการดูแลและรักษาเป็น 3 ส่วน ได้แก่

  • การดูแลรักษาอาการผิวหนังอักเสบที่เกิดขึ้น ร่วมกับการใช้ยาทาเพื่อลดอาการคันและอักเสบ รวมถึงการใช้ยารับประทานเพื่อลดอาการคัน ทั้งยารับประทานสเตียรอยด์ และก็ยาแก้แพ้กลุ่มแอนตี้ฮีสตามีน
  • บำรุงผิวเพื่อลดการระคายเคืองโดยใช้ผลิตภัณฑ์ทาผิวที่ให้ความชุ่มชื่น
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสสารที่ก่อให้เกิดการแพ้

วิธีป้องกันการแพ้ต่างหู

โดยใช้ผลิตภัณฑ์ถ้าหากไม่อยากแพ้ต่างหู เรามีวิธีป้องกันการแพ้ต่างหูแบบง่าย ๆ มาฝาก ดังต่อไปนี้

  1. เลือกต่างหูที่ทำมาจากโลหะประเภทอื่นเพื่อลดความเสี่ยง อาทิเช่น ทองคำ เงิน พลาสติก ทองสัมฤทธิ์ หรือเครื่องเพชรพลอยที่มีป้าย Nickel free
  2. ไม่เอามือไปสัมผัสหรือหมุนก้านต่างหูบ่อย ๆ เพราะว่าจะทำให้ผิวระคายเคืองได้
  3. ล้างมือให้สะอาดก่อนสัมผัสบริเวณรูหูทุกครั้ง
  4. หลีกเลี่ยงการใส่ต่างหูในวันที่ต้องทำกิจกรรมที่มีเหงื่อออกมาก หรืออากาศร้อน ๆ เพราะว่าเหงื่อจะทำให้สารนิกเกิลละลายออกมาได้มากขึ้น
  5. ใช้แอลกอฮอล์เช็ดก้านต่างหูก่อนใส่ เพื่อเป็นการฆ่าเชื้อโรค
  6. ใช้วาสลีนทาก่อนใส่ต่างหู เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น
  7. ใช้ยาทาเล็บแบบใสทาบาง ๆ รอบก้านต่างหูและบริเวณหลังต่างหูที่สัมผัสโดนติ่งหู ทิ้งเอาไว้ให้แห้ง และหลังจากนั้นก็ค่อยใส่ผลิตภัณฑ์ทาผิวที่ให้ความชุ่มชื่น

วิธีเลือกต่างหูสำหรับคนแพ้ต่างหูเลือกอย่างไร

  • ผิวหนังบริเวณใบหูของเราเป็นส่วนที่เปราะบาง และแน่นอนว่า อาจจะมีการเกิดการแพ้ได้ง่ายมาก ๆ โดยยิ่งไปกว่านั้นในผู้หญิงที่แพ้อะลูมิเนียม ที่อาจจะเป็นไปได้ว่าจะมีอาการคัน ไปจนกระทั่งเกิดหนองที่บริเวณที่ใส่ต่างหูกันเลยทีเดียว และเมื่อทราบอย่างนี้แล้ว ต่างหูแบบไหนล่ะที่ผู้หญิงจะใส่แล้วไม่แพ้ไปดูกันเลยดีกว่า
  • ต่างหูเงินแท้ เพราะว่าเงินเป็นโลหะที่คนแพ้ค่อนข้างจะน้อย สำหรับผู้ที่แพ้ต่างหู ส่วนมาก มักจะไม่มีอาการแพ้เมื่อใส่ต่างหู ที่ทำมาจากเงินแท้
  • ต่างหูทองคำ ถึงแม้ว่าในกระบวนการทำทองคำ จะมีการผสมอะลูมิเนียมบางส่วน เพื่อใช้ในการขึ้นรูป แต่ปริมาณดังกล่าวก็ไม่ได้ทำให้แพ้ได้แต่อย่างใด
  • ต่างหูพลาสติก เป็นอีกทางเลือกที่ราคาสบายกระเป๋า และมีลักษณะของต่างหูให้เลือกอย่างมากมาย ดังนี้ แนะนำว่าให้ดูที่แป้น หรือก้านของต่างหูว่าเป็นพลาสติกด้วย หรือไม่ เพราะว่าหลายครั้งตัวต่างหูเป็นพลาสติก แต่ก้านเป็นอะลูมิเนียม ก็แพ้ได้เช่นกัน

สาว  ๆ  ที่แพ้ต่างหู ติ่งหูบวมหากเลือกใส่ต่างหูที่เหมาะกับตัวเองก็สามารถแก้ไขปัญหาเหล่านั้นได้แล้วค่ะ